ถือเป็นข่าวเศร้าสำหรับสายเที่ยว หลังจากที่ทางการ ญี่ปุ่น ประกาศ ยืดคำสั่ง ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ จนไปถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว เกียวโด รายงานว่า นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าทางการญี่ปุ่นจะยืดคำสั่งห้ามเข้าประเทศสำหรับบุคคลที่ไม่ใช่ผู้พำนักออกไปถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดในประเทศญี่ปุ่นยังน่ากังวล
โดยคำสั่งดังกล่าวถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน
ซึ่งเป็นวันแรกที่ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เป็น นักการทูตผู้ชายจากประเทศนามิเบีย ก่อนที่ในเดือนต่อมาจากการมีพบผู้ป่วยโควิดโอมิครอนที่ติดเชื้อจากภายในประเทศ นับตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ป่วยโควิดโอมิครอน ทางการญี่ปุ่นได้ตึงกำลังเข้มในส่วนของการเข้าประเทศ โดยนอกจากการห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้พำนักเข้าประเทศแล้ว ประชาชนและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศญี่ปุ่นต้องเข้ารับการกักตัวเหมือนกันหากเดินทางกลับประเทศ
ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยสะสมมากกว่า 1.7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 18,000 ศพ
โควิดสหรัฐ ทุบสถิติอีกครั้ง หลังจากที่พบผู้ป่วยโควิดใหม่ 1.13 ล้านราย แซงหน้าสถิติเก่า 1.03 ล้านราย โดยสาเหตุหลักมาจากโอมิครอนระบาดหนัก เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ทางการสหรัฐฯพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่อย่างน้อย 1.13 ล้านราย ซึ่งเป็นการทุบสถิติโลกและสถิติผู้ป่วยโควิดต่อวันของประเทศสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ พบผู้ป่วยใหม่ 1.03 ล้านราย
ทั้งนี้จำนวนตัวเลขดังกล่าวนั้นยังไม่ได้รวมทุกรัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าตัวเลขผู้ป่วยจริงอาจเพิ่มสูงขึ้นกว่านี้อีก นอกจากจำนวนผู้ป่วยใหม่ต่อวันที่ทุบสถิติแล้ว ประเทศสหรัฐฯยังทำลายสถิติจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกด้วย โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยมากกว่า 135,000 รายที่ต้องเข้ารักษาโควิดที่โรงพยาาล มากกว่าสถิติเก่าที่ทำไว้เมื่อช่วงเดือนมกราคมปีที่แล้ว ซึ่งจำนวนผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้ว่าเจ้าหน้าที่แพทย์หลายคนจะเห็นตรงกันว่าโควิดโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น แต่จากการแพร่ระบาดที่รวดเร็วของโควิดสายพันธุ์ดังกล่าว อาจทำให้ระบบสาธารณสุขล่มได้ ซึ่งขณะนี้เริ่มมีบางโรงพยาบาลในสหรัฐฯที่รายงานว่าพวกเขาไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยใหม่ ปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสม 62 ล้านราย และมีผู้เสียชีวืตแล้ว 8 แสนศพ
ไฟเซอร์ ออกมาแจ้งข่าวดีว่า วัคซีนโอมิครอน จะพร้อมใช้ในเดือนมีนาคมนี้ หลังทั่วโลกเจอผู้ป่วยโควิดโอมิครอนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม สำนักข่าว CNBC รายงานว่านาย อัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานคณะกรรมการของบริษัทไฟเซอร์ ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของวัคซีนสูตรใหม่ที่ใช้กับวัคซีนโอมิครอนว่าวัคซีนชนิดนี้จะมีความพร้อมในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทได้เริ่มผลิตวัคซีนชนิดดังกล่าวแล้ว
‘สิงคโปร’ เผย ปชช. ฉีดซิโนแวค มีอัตราส่วน ตาย จากโควิดมากที่สุด
สิงคโปร์ กางสถิติพบ ประชาชนที่ ฉีดซิโนแวค มีอัตราส่วน ตาย จากโควิดมากที่สุด ส่วนโมเดอร์นามีอัตราส่วนน้อยที่สุด เมื่อวันที่ 10 มกราคม สำนักข่าว บลูมเบิร์ก ได้เปิดเผยสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขประเทศสิงคโปร์เกี่ยวกับตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 โดยประชาชนในประเทศสิงคโปร์เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 802 ศพ
โดยในจำนวนดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด คิดเป็นร้อยละ 70 ส่วนอีกร้อยละ 30 เป็นประชาชนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว หรือคิดเป็น 247 ราย ซึ่งหากแบ่งตามยี่ห้อวัคซีนจะได้อัตราส่วนดังนี้
1.โมเดอร์นา มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด 1 คน ต่อคนฉีด 100,000 คน
2.ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด 6.2 คน ต่อคนฉีด 100,000 คน
3.ซิโนฟาร์ม มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด 7.8 คน ต่อคนฉีด 100,000 คน
4.ซิโนแวค มีสัดส่วนผู้เสียชีวิตจากโควิด 11 คน ต่อคนฉีด 100,000 คน
ทั้งนี้ นาย ออง ยี กุง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ ได้ออกมากล่าวถึงข้อมูลดังกล่าวว่า ขนาดกลุ่มตัวอย่างถือว่าน้อย และอาจต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย
โดยนาย บูร์ลา กล่าวว่า วัคซีนป้องกันโอมิครอนนั้นจะสามารถใช้กับโควิดสายพันธุ์อื่นได้ด้วย อย่างไรก็ตามนาย บูร์ลา กล่าวว่าตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจว่าวัคซีนชนิดนี้จะถูกใช้แบบไหนและจำเป็นหรือไม่ อย่างไรก็ตามทางไฟเซอร์ก็พร้อมจะกระจายวัคซีน เพราะหลายประเทศต้องการ
ซึ่งทางซีอีโอของไฟเซอร์กล่าวว่า เขาหวังว่าวัคซีนโอมิครอนของทางบริษัทนั้นจะสามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอนได้ดีกว่าวัคซีนชนิดอื่นๆ
หากอ้างอิงจากข้อมูลจากโลกความเป็นจริงนั้น ไฟเซอร์ระบุว่า ประชาชนที่รับวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาเข็มสองเกินกว่า 20 สัปดาห์ มีประสิทธิภาพเพียงแค่ร้อยละ 10 ในการป้องกันโอมิครอนเท่านั้น อย่างไรก็ตามวัคซีนสองเข็มยังสามารถป้องกันไม่ให้ผู้รับเชื้อป่วยหนักได้ดี
ขณะที่วัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถป้องกันการป่วยโควิดที่แสดงอาการได้ดีถึงร้อยละ 75
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง